วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2556

ของไหล



ฟิสิกส์ :ของไหล





1. ความดัน (Pressure)

วัตถุที่เป็นของไหล (Fluid) จะมีความดันซึ่งเกิดจากการที่โมเลกุลของของไหลชนกันเองหรือพุ่งเข้าชนผนังของภาชนะ เช่น เมื่อเราอัดแก๊สลงไปในลูกโป่ง ก็จะมีความดันของแก๊สดันให้ลูกโป่งพองขึ้น  โดยสมการของความดัน คือ

P = F/A





เมื่อ คือ ความดัน, F คือ แรงที่กระทำในแนวตั้งฉากต่อพื้นที่ ที่รองรับแรง และ เนื่องจากแรงเป็นปริมาณเวกเตอร์ ดังนั้น จึงเป็นปริมาณเวกเตอร์ด้วยเช่นกัน

ความดันและความลึกในของไหลที่อยู่นิ่ง (Pressure and Depth in a Static Fluid)
เมื่อเราดำน้ำลงไปยิ่งลึกเท่าไหร่ จะยิ่งรู้สึกว่าความดันที่กระทำต่อตัวเรามีมากขึ้นเรื่อย ๆ แสดงว่าความดันมีความสัมพันธ์กับความลึก ซึ่งเป็นไปตามสมการ


                                                   
   

2. หลักการของปาสคาล (Pascal’s principle)
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงความดันเกิดขึ้นที่ส่วนหนึ่งส่วนใดของของไหล ความดันที่เปลี่ยนแปลงนั้นจะถ่ายทอดไปยังของไหลโดยรอบทั่ว ๆ ทุกส่วนของของไหลด้วยค่าที่เท่ากันตลอด” จากหลักการนี้ทำให้เราทราบว่า เมื่อเราเพิ่มความดันที่จุดไหนของภาชนะปิดก็ตาม ของเหลวทุกจุดภายในภาชนะปิดนี้ก็จะมีความดันเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ดังแสดงตัวอย่างในรูปที่ 6 ถ้าเราออกแรง F1 กระทำต่อพื้นที่A1 ทำให้เกิดความดัน P1 ทุก ๆ จุดในภาชนะปิดก็จะมีความดันเพิ่มขึ้นอีก P1 ด้วยเช่นกัน และถ้า P2เป็นความดันที่เกิดขึ้นกับพื้นที่ A2 ซึ่งอยู่ในระดับความสูงเดียวกันกับ A1 ดังนั้น P1 = P2 และ และ  

จากหลักของปาสคาลทำให้เรารู้ว่า ถ้า A1 มีขนาดเล็กกว่า A2 เมื่อเราออกแรง Fจะทำให้เกิดแรงดัน F2 ที่มีขนาดมากกว่า F1 เราใช้หลักการนี้สร้างเครื่องกลผ่อนแรงที่เรียกว่า ไฮโดรลิค(Hydraulic) 

                              



3. หลักการของอาคีมิดิส (Archimedes’ principle)
ของไหลใด ๆ จะมีแรงลอยตัว (buoyant force) กระทำต่อวัตถุที่จมอยู่บางส่วนหรือทั้งหมดในของไหลนั้น โดยขนาดของแรงลอยตัวจะเท่ากับน้ำหนักของของไหลที่ถูกวัตถุแทนที่
3.1 วัตถุลอย (จมบางส่วน)
วัตถุลอยอยู่ในของไหลได้ แสดงว่าน้ำหนักของวัตถุมีค่าเท่ากับแรงลอยตัว
FB=Wวัตถุ = Wของไหลที่ถูกแทนที่
mวัตถุ = mของไหลที่ถูกแทนที่
วัตถุvวัตถุ = ของไหลvส่วนจมของวัตถุ


 3.1 วัตถุจม (จมทั้งหมด)
วัตถุจมแสดงว่าแรงลอยตัวมีค่าน้อยกว่าน้ำหนักของวัตถุ ซึ่งส่วนต่างระหว่างสองค่านี้จะมีค่าเท่ากับน้ำหนักของวัตถุเมื่อชั่งในของไหลนั้น (ถ้าวัตถุลอยจะชั่งได้เป็นศูนย์)
Wวัตถุเมื่อชั่งในของไหล = Wวัตถุ - FB
Wวัตถุเมื่อชั่งในของไหล = Wวัตถุ – Wของไหลที่ถูกแทนที่
Wวัตถุเมื่อชั่งในของไหล = mgวัตถุ – mgของไหลที่ถูกแทนที่
Wวัตถุเมื่อชั่งในของไหล = วัตถุvวัตถุg – ของไหลvส่วนจมg
Wวัตถุเมื่อชั่งในของไหล = (วัตถุ-ของไหล)vวัตถุgวัตถุ  (* vส่วนจม = vวัตถุ *)

                          






4. ความตึงผิว (Surface tension)
ที่ผิวของเหลวจะมีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลของของเหลวด้วยกัน (cohesion) พยายามยึดผิวของเหลวให้ตึง (ให้มีพื้นที่น้อยที่สุด) เรียกว่า แรงดึงผิวของของเหลว” เมื่อของเหลวสัมผัสกับภาชนะและสัมผัสกับอากาศจะมีแรงเกาะติด (adhesion) ที่เกิดขึ้นระหว่างโมเลกุลของของเหลวกับโมเลกุลของภาชนะและโมเลกุลของอากาศ
เมื่อแรงเกาะติดมากกว่าแรงยึดติด เช่น ผิวน้ำ (adhesion > cohesion) ผิวน้ำจะเว้าลงไป ทำให้มุมสัมผัส คือ กางน้อยกว่า 90
เมื่อแรงยึดติดมากกว่าแรงเกาะติด เช่น ผิวของปรอท (cohesion > adhesion) ผิวปรอทจะโค้งนูนขึ้น ทำให้มุมสัมผัส คือ กางมากกว่า 90
แรงดึงผิวของของเหลวจะมีทิศขนานกับผิวของเหลวและตั้งฉากกับเส้นขอบที่ของเหลวสัมผัส 
ความตึงผิวของของเหลว คือ อัตราส่วนระหว่างแรงดึงผิวกับความยาวเส้นขอบของรอยฉีกที่ผิวซึ่งสัมผัสกับอากาศ










5. ความหนืด (viscosity)
แรงต้านภายในเนื้อของเหลวที่กระทำที่กระทำต่อวัตถุที่เคลื่อนที่ในของเหลว เรียกว่า แรงหนืด และเราเรียกสมบัตินี้ของของเหลวว่า ความหนืด
เมื่อวัตถุทรงกลมตันเคลื่อนที่ในของเหลวที่มีความหนืด แรงต้านเนื่องจากความหนืดที่กระทำต่อวัตถุทรงกลมนั้นแปรผันตรงกับอัตราเร็วของทรงกลมเทียบกับของไหล
เมื่อปล่อยลูกกลม u = 0 ลูกกลมจะมีความเร่งความเร็วเพิ่ม เกิดแรงหนืดต้านความเร็วลดลงจนความเร็วปลายคงตัว ซึ่งเป็นผลมาจากสมการ   เมื่อ คือ แรงหนืด


  


6. การไหล
ในการศึกษาเรื่องการไหลของของไหล เราจะต้องทำการแบ่งประเภทของของไหล เนื่องจากมีความซับซ้อนในการพิจารณาพฤติกรรมการไหลของของไหลโดยทั่วไป ดังนั้นเพื่อให้ง่ายต่อการศึกษา เราจึงสนใจของไหลในอุดมคติ ซึ่งมีคุณสมบัติดังนี้
 1. มีการไหลของตัว (steady flow) ซึ่งหมายความว่าอนุภาคของของไหลในอุดมคติที่จุดใด ๆ จะมีความเร็วคงตัว และ ไม่ขึ้นอยู่กับเวลา แต่เมื่อเปลี่ยนจุดไปความเร็วอาจจะเปลี่ยนไปได้
 2. เป็นการไหลที่ไม่มีการหมุน
 3. ไม่สามารถอัดได้ (incompressible) ซึ่งหมายถึง มีความหนาแน่นคงตัว
 4. ไม่มีความหนืด

6.1 สมการความต่อเนืองของการไหล (Equation of continuity)
อัตราการไหลของของไหลในท่อ (รูปจาก reference [1])
อัตราการไหลของของไหลในท่อซึ่งมีทางเข้าทางเดียวและทางออกทางเดียว จะมีค่าคงที่ตลอดทั้งท่อ



6.2 สมการของแบร์นูลลี (Bernoulli’s equation)
สำหรับการไหลที่มีระดับความสูง และ ความดันมาเกี่ยวข้อง จะเป็นไปตามสมการ



























วีดีโอประกอบ









วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2556

การสะท้อนของแสง

การสะท้อนของแสง



เวลาที่ดีแห่งชีวิต






คนทุกคนบอกว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิตคือเวลาที่เรามีความสุข

แต่แท้จริงแล้วช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือเวลาที่เรามีความทุกข์


แสงสวยงาม




แสงที่ว่าสวยงาม คือแสงแห่งความรักและศรัทธาในสิ่งที่ถูกต้อง